การแข่งขันศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม ได้มีการประชุมหาลือเกี่ยวกับกฎข้อบังคับของแฟนบอลและนักฟุตบอลทุกคนที่เข้ามาชมทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติออกมาประกาศอย่างเอาเอาจริงเอาจังกับเรื่อง พฤติกรรมของนักฟุตบอลในสนามศึกฟุตบอลโลก 2018 โดยประธานสหพันธ์ฟุตบอล จานนี่ อินฟานติโน่ ชี้แจงว่า “เราต้องการความแน่ใจว่า จะไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวในการเล่นฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้”
สำหรับกฎการเหยียดสีผิวนี้และเป็นครั้งแรกของฟุตบอลโลก ผู้ตัดสินสามารถหยุดเกมการแข่งขัน หรือเกิดเหตุบานปลายสั่งให้หยุดเกมได้เลย ถ้ามีการเหยียดสีผิวหรือเชื้อชาติ มีการใช้มาตรการ 3 ขั้นตอน พวกเขาต้องการเห็นความยุติธรรมกันทั่วโลกซึ่งจะเกิดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย
ฮัลค์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “สมัยที่ตนเองเล่นฟุตบอลอยู่ประเทศรัสเซียในแต่ละเกมการแข่งขันจะมีการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติเป็นเรื่องปกติ” ซึ่งสมัยนี้ถือว่าการเหยียดผิวเป็นเรื่องอ่อนไหวในวงการฟุตบอลมันส่งผลกระทบต่อนักฟุตบอลบางคน ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า ก็ได้รณรงค์เรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง
จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่าคนปัจจุบัน ยังได้เสนอแผนฟุตบอลโลกเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ฟุตบอลโลกครั้งต่อไปอาจจะมี 48 ทีม เพราะฟุตบอลโลกไม่ใช่แค่การแข่งขันแต่มันเป็นจุดนัดพบงานอีเว้นขนาดใหญ่สำหรับคนทั่วโลกเลยก็ว่าได้ มันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลก ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและคมนาคม ให้ชาวโลกได้ลูกจักประเทศนั้นๆ มากยิ่งขึ้น และแนวคิดการนำเสนอของ จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า คาดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ฟุตบอลโลกปี 2022 ที่ประเทศกาต้า จะมีทีมเพิ่มเข้ามาเป็น 48 ทีม
